
HPV ถ้าพูดถึงชื่อนี้ สาวน้อยทั้งหลายอาจจะไม่คุ้นชิน แต่หากโตขึ้นมาอีกหน่อยจะต้องคุ้นเคยกับมันแน่นอน เอะอะคุณหมอก็จะจับตรวจ มันร้ายยังไง มันเป็นยังไง มาค่ะ วันนี้จะมาไขข้อสงสัย
HPV เป็นเชื้อไวรัสที่มีชื่อว่า เชื้อแปปิโลมา หรือเอชพีวี (HPV) ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดการติดเชื้อเนื้อเยื่อบุผิว ส่งผลให้เกิดโรคบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนัก พบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย โดยมีมากกว่า 100 สายพันธุ์
การติดเชื้อ HPV มักติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก ปาก โดยแพร่เชื้อผ่านรอยแผล หรือรอยขีดข่วนตามผิวหนัง หรือสัมผัสผิวหนัง อีกทั้งสิ่งของปนเปื้อนเชื้อจากผู้ป่วย ที่น่าเป็นห่วงคือ หญิงตั้งครรภ์ที่มีเชื้อ HPV อาจแพร่เชื้อสู่ลูกระหว่างการคลอดได้ ด้วยการสัมผัสเชื้อโดยตรงหรือการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งผู้ที่มีเชื้อ HPV อยู่ในร่างกายมักไม่มีอาการแสดงใด ๆ จึงอาจแพร่เชื้อไปยังผู้อื่นโดยไม่รู้ตัว
คุณหมอคะ ทั้งชีวิตมีแฟนมาแค่คนเดียว ทำไมถึงติด HPV ได้
เคยได้ยินมาว่า ส่วนมากแล้ว ผู้หญิงที่ติดเชื้อ HPV จะต้องมีคู่นอนหลายคน แต่จริงๆแล้ว HPV เป็นเชื้อไวรัส ที่สามารถติดได้ แม้มีคู่นอนเพียงคนเดียว หากคู่นอนของคุณมีเชื้ออยู่นั่นเอง เพราะฉะนั้นแล้ว เรามาทำความรู้จัก HPV กันให้มากขึ้น เพื่อเรียนรู้และป้องกันกันค่ะซิส
HPV คือมะเร็งปากมดลูกรึเปล่า
ต้องบอกก่อนว่า เชื้อ HPV ไม่ได้หมายความว่าเมื่อคุณได้รับเชื้อจะต้องเป็นมะเร็งปากมดลูกนะคะซิส เพราะ เชื้อ HPV มีทั้งชนิดก่อมะเร็งและไม่ก่อมะเร็ง
HPV ชนิดก่อมะเร็ง: มี 14 สายพันธุ์ ทําให้เป็นโรคร้ายมะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด โดยสายพันธุ์ 16 และ 18 เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกถึงประมาณร้อยละ 70 รองลงมาคือ สายพันธุ์ 45, 31 และ 33
HPV ชนิดไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง: ไม่ได้ทําให้เกิดมะเร็งปากมดลูก แต่เป็นสาเหตุของหูดหงอนไก่บริเวณอวัยวะเพศ เช่น HPV 6 และ 11
HPV ที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก: คือ HPV สายพันธุ์ที่มีความรุนแรงมาก ที่เป็นต้นเหตุของมะเร็งปากมดลูกถึง70% เกิดจาก HPV 16 และ 18 ส่วนสายพันธุ์อื่น ๆ ที่อาจก่อให้เกิดมะเร็งได้คือ สายพันธุ์ 33, 35, 39, 40, 43, 45, 51-56, 58
HPV ที่ทำให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น: คือสายพันธุ์ที่อาจไม่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก แต่ทำให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น เช่น หูดหงอนไก่ ซึ่ง 90% เกิดจากสายพันธุ์ HPV 6 และ 11 ซึ่งมีโอกาสทำให้เกิดโรคมะเร็งค่อนข้างต่ำ
ผู้หญิงติดเชื้อ HPV ได้อย่างไร
เชื้อ HPV ติดต่อได้ง่ายผ่านทางเพศสัมพันธ์เป็นหลัก เมื่อติดเชื้อ เซลล์ปากมดลูกเกิดการเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์มะเร็งอาจใช้เวลานาน 10-15 ปี ซึ่งผู้หญิงที่ติดเชื้อมักจะไม่มีอาการผิดปกติใดๆ เป็นระยะเวลานาน แต่จะมาพบแพทย์เมื่อมีอาการแล้ว เช่น เลือดออกผิดปกติจากช่องคลอดที่ไม่ใช่ประจําเดือน มะเร็งมักเข้าสู่ระยะลุกลามแล้ว
ใครมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูก
ผู้หญิงแทบทุกคนมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูก โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย และผู้หญิงที่มีคู่นอนหลายคน โดยพบว่าวัยรุ่นเป็นช่วงวัยที่พบการติดเชื้อ HPV มากที่สุด ดังนั้นการป้องกันจึงควรเริ่มตั้งแต่ก่อนเด็กหญิงเข้าสู่วัยรุ่น จากการศึกษาพบว่าร้อยละ 50-80 ของผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์แล้วมีโอกาสติดเชื้อ HPV อย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต แม้จะมีคู่นอนเพียงคนเดียวก็มีโอกาสติดเชื้อได้ และแม้ว่าร้อยละ 90 ของผู้หญิงที่ติดเชื้อ HPV แล้ว จะสามารถกําจัดเชื้อได้เอง แต่เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าผู้หญิงคนใดสามารถกําจัดเชื้อร้ายนี้ได้ ดังนั้น การป้องกันการติดเชื้อจึงมีความสําคัญมาก
อาการเมื่อติดเชื้อ HPV เป็นอย่างไร
ผู้ที่ติดเชื้อ HPV ส่วนใหญ่จะไม่แสดงอาการ เพราะระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะกำจัดเชื้อไวรัสได้ก่อนเป็นหูด ซึ่งลักษณะของหูดจะแตกต่างตามสายพันธุ์ไวรัส ได้แก่
- หูดทั่วไปจะเป็นตุ่มเล็ก ๆ ที่อาจขึ้นตามมือ นิ้ว ข้อศอก มีสีเนื้อ สีขาว สีชมพู สีน้ำตาลอ่อน บริเวณที่พบคือ มือ นิ้วมือ ข้อศอก แม้ไม่อันตราย แต่อาจทำให้เจ็บปวด โดยผิวหนังที่เกิดหูดอาจมีเลือดออกได้ง่าย
- หูดแบนราบจะมีสีเข้มกว่าปกติและนูนขึ้นมาเล็กน้อย มีขนาดเล็ก พื้นเรียบ เกิดขึ้นได้ทุกส่วนของร่างกาย โดยผู้หญิงมักพบที่ขา ผู้ชายมักพบที่เครา เด็กมักพบที่ใบหน้า
- หูดบริเวณอวัยวะเพศหรือหูดหงอนไก่ เป็นติ่งเนื้อคล้ายดอกกะหล่ำที่เกิดขึ้นบริเวณอวัยวะเพศหญิง อวัยวะเพศชาย และทวารหนัก มักรู้สึกคัน แต่ไม่เจ็บปวด
- หูดบริเวณฝ่าเท้ามักขึ้นตรงส้นเท้าหรือเนินปลายเท้า มีลักษณะเป็นตุ่มแข็ง ไม่ว่ายืนหรือเดินจะรู้สึกเจ็บ
กลุ่มเสี่ยงติดเชื้อ HPV คือใคร
- หญิงชายที่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย
- เด็กและวัยรุ่น โดยเฉพาะเด็กวัยเจริญพันธุ์
- ผู้ที่มีแผลหรือรอยขีดข่วนตามผิวหนัง
- ผู้ที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกัน ผู้ที่เข้ารับการผ่าตัดปลูกถ่ายอวัยวะ ฯลฯ
- ผู้ที่สัมผัสหูดหรือสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อโดยไม่ได้สวมถุงมือเพื่อป้องกัน
- ผู้ที่ใช้สถานที่ที่มีโอกาสติดเชื้อได้ง่าย เช่น ห้องอาบน้ำสาธารณะ สระว่ายน้ำ ฯลฯ
HPV หายเองได้ไหม
ส่วนใหญ่แล้วหากเรามีร่างกายและภูมิคุ้มกันที่แข็งแรงการได้รับเชื้อ HPV อาจจะหายไปเองในระยะเวลา 2 ปี แต่หากมีพฤติกรรมเสี่ยงอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น การสูบบุหรี่และรับควันบุหรี่มือสอง ก็จะเพิ่มโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกมากกว่าคนที่ติดเชื้ออย่างเดียวแต่เลี่ยงบุหรี่ได้ เชื้อจะอยู่ในร่างกายและมีเวลาดำเนินโรคประมาณ 10-15 ปี และจะแสดงอาการชัดเจนเมื่ออายุ 30-60 ปี
HPV รักษาอย่างไร
การรักษาเชื้อ HPV ขึ้นอยู่กับอาการและความรุนแรงของโรค หากเป็นการติดเชื้อที่ทำให้เป็นโรคหูด ซึ่งอาจพบที่อวัยวะสืบพันธุ์ แพทย์อาจพิจารณารักษาด้วยยาหรือการผ่าตัดเอาหูดออก
สำหรับการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงสูง แพทย์ต้องติดตามและตรวจสอบอย่างสม่ำเสมอเพื่อตรวจหาการเปลี่ยนแปลงของเซลล์ที่อาจกลายเป็นมะเร็งในอนาคต
การรักษามะเร็งที่มีสาเหตุจากเชื้อ HPV ขึ้นอยู่กับระยะของโรคมะเร็ง ความรุนแรง และภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากโรค ซึ่งการรักษามีตั้งแต่การผ่าตัด การฉายรังสี รักษาโดยเคมีบำบัด หรือการรักษาที่ผสมผสานการรักษาหลาย ๆ วิธี ซึ่งแพทย์โรคมะเร็งจะทำการพิจารณาจากหลาย ๆ ปัจจัยร่วมกัน เพื่อผลการรักษาที่ดีที่สุด
HPV ป้องกันได้ไหม
วัคซีน HPV ป้องกันได้อย่างไร?
- วัคซีน HPV จะกระตุ้นร่างกายให้สร้างภูมิคุ้มกันป้องกันการติดเชื้อ HPV ปัจจุบันวัคซีน HPV มี 2 ชนิด ชนิดแรก เป็นวัคซีน HPV ชนิด 2 สายพันธุ์ ซึ่งมีการเสริมสารกระตุ้นภูมิรุ่นใหม่ เน้นป้องกันมะเร็งปากมดลูกจากเชื้อ HPV สายพันธุ์ก่อมะเร็ง (HPV 16, 18 และ HPV สายพันธุ์ก่อมะเร็งอื่นๆ) อีกชนิดเป็นวัคซีน HPV ชนิด 4 สายพันธุ์ ใช้ป้องกันมะเร็งปากมดลูก (จาก HPV 16, 18) และหูดอวัยวะเพศ (จาก HPV 6, 11)
- วัคซีน HPV ชนิด 9 สายพันธุ์ (Human Papillomavirus 9-valent Vaccine) เป็นวัคซีนชนิดเชื้อตายที่พัฒนามาจากวัคซีน HPV ชนิด 4 สายพันธุ์ ใช้สำหรับป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV 9 สายพันธุ์ ได้แก่ สายพันธุ์ 6, 11, 16, 18, 31, 33, 45, 52 และ 58 ในผู้หญิงและผู้ชาย ที่มีอายุตั้งแต่ 9 ถึง 45 ปี
เกณฑ์ในการฉีดวัคซีนจะแบ่งตามช่วงอายุ โดยวัคซีนมีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่บรรจุในวัคซีน ได้มากกว่า 90%
- อายุ 9 – 14 ปี ฉีดจำนวน 2 เข็ม
- สำหรับอายุ 15 ปี ขึ้นไป ฉีดจำนวน 3 เข็ม
วิธีป้องกันการติดเชื้อ HPV ทำอย่างไร
- ผู้ที่มีอายุ9 – 26 ปี แนะนำให้ฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูก 4 ชนิด และ 9 สายพันธุ์
- ผู้หญิงที่มีอายุ21 – 65 ปี ควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปี
- สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
- ไม่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย
- ไม่ควรแกะหรือเกาหูดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไปสู่ผู้อื่น
- สวมรองเท้าเมื่ออยู่ในสถานที่ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ เช่น สระว่ายน้ำสาธารณะ ห้องอาบน้ำรวม ฯลฯ
ซิสสาวคะ เกิดเป็นผู้หญิง ก็มีเรื่องยุบยิบๆให้ต้องระวังกันมากมายและหนึ่งในนั้นคือป้องกันตัวเองจาก HPV ซึ่งบางครั้งก็เหมือนเสี่ยงโชค ได้มาแบบฟลุ๊คๆ แต่การดูแลตัวเองก็สามารถป้องกันเชื้อไวรัสตัวนี้ได้ในระดับนึง สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการป้องกันตัวเอง สังเกตตัวเองเพื่อมองหาความผิดปกติ หากพบความผิดปกติ ให้รีบมาพบแพทย์เพื่อตรวจคัดกรอง และทำการรักษาตามขั้นตอน ด้วยความห่วงใยจาก The Herniverse เพราะเรา เข้าใจทุกมิติของความเป็นผู้หญิง