คู่รักที่ฉ่ำหวานข้าวใหม่ปลามัน ในแต่ละวันเขาทำอะไรกันนะ
จั่วกันมาขนาดนี้ ก็คงหนีไม่พ้น ฉาก Love Scene จู๋จี๋ดู๋ดี๋ กันจริงไหม วันนี้ เราจะพามารู้จักกับโรคที่ไม่ค่อยจะได้ยินกันนัก และชื่อโรคเอง ก็ดูจะโรแมนติกหวานแหววหากฟังแค่ชื่อ แต่จริง ๆ แล้วนั้น โรคนี้คืออะไร มีที่มาอย่างไร วันนี้เรามาไขข้อสงสัยกัน
โรคฮันนีมูน
โรคฮันนีมูน คำว่าฮันนีมูนนี้ เราเรียกเพื่อเลียนแบบพฤติกรรมของคนที่เพิ่งแต่งงาน ข้าวใหม่ปลามัน ที่ดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์วันละหลาย ๆ รอบนั่นเอง
ที่มาของชื่อโรคฮันนีมูนก็มาจากในช่วงฮันนีมูน คู่รักข้าวใหม่ปลามันมักจะมีเพศสัมพันธ์ค่อนข้างถี่ในช่วงเวลาสั้น ๆ คือโรคทางนรีเวชที่มักจะเกิดกับผู้หญิงที่เพิ่งแต่งงาน หรือมีเพศสัมพันธ์ รวมทั้งกิจกรรมทางเพศบ่อย ๆ ในช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ซึ่งมีอาการที่คล้ายกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เพราะบริเวณช่องคลอด ท่อปัสสาวะมีการอักเสบ โดยโรคนี้สามารถกลับมาเป็นซ้ำได้ใหม่ ถ้ารักษายังไม่หายขาด และหากติดเชื้อแบคทีเรียที่กระเพาะปัสสาวะจนอักเสบขึ้น จะเรียกว่า ฮันนีมูน ซิสไตติส (Honeymoon Cystitis)
อาการเบื้องต้นที่สาว ๆ เริ่มสงสัย
อันดับแรกเลยคือการที่เรามีปัญหากับปัสสาวะ ไม่ว่าจะเป็นอาการปัสสาวะแสบขัด แสบบริเวณปากช่องคลอด กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือปวดท้องน้อยร่วมด้วย อาการเหล่านี้เป็นสัญญาณที่บอกให้รู้ว่าร่างกายน่าจะไม่สบายอยู่แน่ ๆ โดยเฉพาะในส่วนของอวัยวะภายใน บริเวณกระเพาะปัสสาวะ ที่น่าจะเกิดจากการอักเสบ ติดเชื้อ
โรคฮันนีมูน ซิสไตติส เกิดจากอะไรกันแน่
โรคฮันนีมูนเกิดจากภาวะติดเชื้อ ซึ่งด้วยลักษณะทางกายภาพของเพศหญิง จะสัมพันธ์กับทางเดินปัสสาวะ รวมทั้งทวารหนัก ซึ่งจะอยู่ใกล้ ๆ กันมาก จึงมีโอกาสเสี่ยงสูงที่จะเกิดการติดเชื้อของกระเพาะปัสสาวะมากกว่า ผู้ชาย และเมื่อมีกิจกรรมทางเพศโดยการสอดใส่เข้าไปในช่องคลอด ทำให้เชื้อโรคเคลื่อนเข้าสู่ภายใน จนเกิดการติดเชื้อขึ้น ทั้งนี้การมีเพศสัมพันธ์บ่อย ๆ ไม่ใช่สาเหตุของโรคเพียงอย่างเดียว ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ได้แก่
- การดื่มน้ำน้อยเกินไป
- พฤติกรรมชอบกลั้นปัสสาวะบ่อย ๆ
- ภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำลง
- ผู้ที่มีประวัติการรักษาด้วยวิธีผ่าตัด หรือฉายแสงบริเวณอวัยวะเพศ รวมทั้งกระเพาะปัสสาวะ
เช็กอาการโรคฮันนีมูน
- มีอาการแสบบริเวณปลายท่อปัสสาวะหรือบริเวณปากช่องคลอดขณะถ่ายปัสสาวะ
- แสบขัดขณะปัสสาวะ
- ไม่สามารถกลั้นปัสสาวะได้
- ปัสสาวะไม่สุด หรือรู้สึกปัสสาวะไม่สุด ทำให้ต้องเข้าห้องน้ำหลายครั้ง
- อาจมีอาการปวดหรือแสบบริเวณท้องน้อยร่วมด้วยทั้งตอนปวดและไม่ปวดปัสสาวะ
- ปัสสาวะบ่อยทั้งกลางวันและกลางคืน อาการนี้อาจพบได้ในกรณีมีภาวะกระเพาะปัสสาวะอักเสบร่วมด้วย
ซึ่งอาการดังกล่าวมีความคล้ายคลึงกับกระเพาะปัสสาวะอักเสบมาก ๆ อาจจะต้องให้แพทย์วินิจฉัยกันอีกที
การวินิจฉัยโรคฮันนีมูน ทำอย่างไร ?
แพทย์จะสอบถามประวัติ อาการของโรค และการมีเพศสัมพันธ์ หลังจากนั้นจะทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียด โดยตรวจเพาะเชื้อปัสสาวะ เพื่อหาเชื้อแบคทีเรีย และเพื่อดูว่ามีการอักเสบหรือไม่
โรคฮันนีมูน รักษาอย่างไร ?
การรักษาโรคฮันนีมูน ซิสไตติส ในเบื้องต้นก็ควรงดกิจกรรมทางเพศไว้ก่อน อดใจกันไว้ซักหน่อย ที่สำคัญ อย่าลืมดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อให้น้ำช่วยขับเชื้อโรคออกจากร่างกายผ่านทางปัสสาวะ ซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้โรคฮันนีมูนหายได้เองภายใน 5 – 7 วัน ช่วงนี้ต้องขยันดื่มน้ำให้มาก ๆ นอกจากนี้ สาว ๆ จำเป็นต้อง
- งดการทำกิจกรรมทางเพศทุกรูปแบบ
- ดื่มน้ำในปริมาณมากกว่าปกติ เพื่อขับเชื้อโรค
- หากปฏิบัติตามในข้างต้น อาการจะบรรเทาลง และหายขาดภายใน 5-7 วัน
แต่ถ้ามีอาการรุนแรง และความผิดปกติอื่น ๆ หรือตรวจพบการติดเชื้อบริเวณกระเพาะปัสสาวะ แพทย์จะให้รับประทานยาปฏิชีวนะ แต่ในกรณีที่มีอาการมาก เช่น ปวดท้องน้อยหนัก ๆ ปัสสาวะแสบขัดไม่หาย ก็ควรไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างละเอียดอีกที เพราะหากไม่รักษาโรคฮันนีมูนให้หาย อาจเสี่ยงต่อภาวะอักเสบและติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะส่วนบน อาทิ กรวยไต หลอดไต ซึ่งอาจส่งผลกระทบในระยะยาวหากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง หรือถ้าแย่มาก ๆ อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อในกระแสเลือดก็ได้
โรคฮันนีมูนมีภาวะแทรกซ้อนได้หรือไม่
ผู้ป่วยโรคฮันนีมูนที่ทำการรักษาไม่หายขาด และยังคงทำกิจกรรมทางเพศอย่างผิดหลักสุขอนามัย มีความเสี่ยงที่อวัยวะส่วนบนในระบบทางเดินปัสสาวะจะติดเชื้อโรค และเกิดการอักเสบ เช่น ไต กรวยไต ต่อมหมวกไต และท่อไต ซึ่งส่งผลกระทบอย่างรุนแรง คือการติดเชื้อในกระแสโลหิต จนถึงขั้นเป็นอันตรายแก่ชีวิตได้ในที่สุด และก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคไต เนื้องอกในกระเพาะปัสสาวะ และนิ่วในไต เป็นต้น
ฟังอย่างนี้ก็อย่าเพิ่งกังวลใจไปค่ะ เพราะเราป้องกันได้
โรคฮันนีมูน ป้องกันได้
- ทำกิจกรรมทางเพศอย่างเหมาะสม ไม่หมกมุ่นจนเกินไป
- ดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน
- ดูแลสุขอนามัยบริเวณอวัยวะเพศให้ดี
- มีเพศสัมพันธ์อย่างเหมาะสม และหลังจากมีเพศสัมพันธ์ควรไปปัสสาวะและทำความสะอาดบริเวณท่อปัสสาวะ รวมไปถึงอวัยวะเพศ หลังจากมีเพศสัมพันธ์ควรปัสสาวะทันที
- ไม่ควรกลั้นปัสสาวะเป็นเวลานาน หรือกลั้นปัสสาวะบ่อย ๆ
- ใส่ใจและสังเกตการปัสสาวะของตัวเองให้ดีว่ามีอาการผิดปกติอะไรไหม โดยเฉพาะหลังมีเพศสัมพันธ์บ่อยครั้งในเวลาสั้น ๆ หรือหลังฮันนีมูน
- ตรวจสุขภาพประจำปี
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
- รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
กิจกรรมทางเพศ หรือการมีเพศสัมพันธ์กับคู่รักของเราเป็นอะไรที่ทุกคนต้องมีและมันก็แสนจะดีต่อใจ ซึ่งเป็นหนึ่งในการแสดงออกถึงความรักอย่างหนึ่งที่ช่วยฮีลทั้งร่างกายและจิตใจไปพร้อม ๆ กันได้ แต่ถ้าจะให้ดีไปยิ่งกว่านั้น ต้องหมั่นเช็กตัวเองอยู่เสมอ ไม่ให้เกิดความเสี่ยง ที่จะส่งผลต่อสุขภาพน้องสาวของเราได้
พี่ดุแค่ไหน หนูก็ต้องขอไว้แบบพอประมาณ เพื่อลดโอกาสที่จะเกิดโรคได้นะคะ แต่หากสาว ๆ ทั้งหลายมีอาการเกิดขึ้นแล้ว ให้รีบมาพบแพทย์เพื่อดูอาการ และรักษาต่อไป ด้วยความห่วงใยของ The Herniverse by RJRH