
เพราะผู้หญิงคือเพศที่ต้องมีคำตอบให้กับทุกคำถาม ปลุกความสงสัยในตัวคุณ อะไรผิดสังเกตุย่อมรู้เห็นได้ด้วยตัวเอง เซ้นส์แรง No.1 สัมผัสได้ทุกสิ่ง มาวันนี้ ใช้ความสามารถที่ซิสสาวมีทั้งหมด มาตรวจความผิดปกติของตัวเองกันค่ะวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับโรคชนิดหนึ่ง ที่หญิงสาวอย่างเรา รู้จักดี แต่ไม่ยินดีถ้าจะต้องเป็นโรคนั้นคือ มะเร็งเต้านม นั่นเอง
มะเร็งเต้านม คืออะไร?
มะเร็งเต้านม คือ มะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ในเต้านม โดยเฉพาะเซลล์ท่อน้ำนม โดยเซลล์จะเริ่มแบ่งตัวผิดปกติแล้วลุกลามไปยังเนื้อเยื่อข้างเคียง จากนั้นหากปล่อยไว้ อาจแพร่กระจายไปยังเซลล์อื่น ๆ ในร่างกายได้ ผ่านทางเดินน้ำเหลือง
มะเร็งเต้านมเกิดจากอะไร?
มะเร็งเต้านม เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ท่อน้ำนม ซึ่งพบได้มากที่สุด ประมาณ 80% ส่วนมะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์ต่อมน้ำนม จะพบได้น้อยกว่า โดยพบประมาณ 10% นอกจากนี้ มะเร็งชนิดนี้อาจเกิดขึ้นจากการแพร่กระจายของมะเร็งมาจากอวัยวะส่วนอื่น ๆ ได้ด้วยเช่นกัน
ผู้หญิงเท่านั้นหรือเปล่าที่ถูกเลือกให้เป็นมะเร็งเต้านม ?
คำตอบคือ ไม่ใช่ เพราะผู้ชายก็สามารถเกิดมะเร็งเต้านมได้นะคะซิส แต่ความเสี่ยงจะน้อยกว่า แค่นั้นเอง แล้วปัจจัยอะไรที่ส่งผลให้เราเป็นมะเร็งเต้านมได้
ในปัจจุบัน ยังคงมีการถกเถียงเพื่อหาข้อสรุปเรื่องปัจจัยเสี่ยงที่เป็นสาเหตุการเกิดโรคมะเร็งเต้านม อย่างไรก็ตาม พบว่ามีหลายปัจจัยที่ยืนยันแล้วว่ามีความสัมพันธ์กับโอกาสเกิดมะเร็งเต้านม ทั้งในแง่บวกและในแง่ลบ ได้แก่
เพศ: เพศหญิงมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมมากกว่าผู้ชายถึง 100 เท่า
เชื้อชาติ: ผู้หญิงในชาติตะวันตก จะมีความเสี่ยงสูงกว่าผู้หญิงเอเชีย
การมีบุตร และการให้นมบุตร: การศึกษาพบว่า ผู้หญิงที่มีการคลอดบุตร เลี้ยงบุตรด้วยนมของตัวเอง จะช่วยป้องกันโอกาสเกิดมะเร็งเต้านมได้ ในขณะเดียวกัน กลุ่มที่ไม่มีบุตร เป็นหมัน กินยาคุมกำเนิด หรือไม่ได้เลี้ยงบุตรด้วยน้ำนมตัวเองนั้น จะมีความโอกาสเสี่ยงมากยิ่งขึ้น
ฮอร์โมนเพศ: ประจำเดือนมาตั้งแต่ตอนอายุน้อย ๆ หรือวัยหมดประจำเดือนมาถึงช้า ทำให้ร่างกายผู้หญิงมีโอกาสสัมผัสกับฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนนานขึ้น จึงมีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมมากยิ่งขึ้น
อายุ: เมื่อมีอายุมากขึ้น โอกาสเกิดความผิดปกติของยีนในเซลล์ก็จะเพิ่มขึ้น อาจส่งผลต่อการเกิดมะเร็งได้ จากการศึกษาพบว่า ผู้หญิงอายุน้อยกว่า 45 ปี มีโอกาสเป็นมะเร็งเต้านมประมาณ 1 ใน 8 ในขณะที่ผู้หญิงอายุ 55 ปีขึ้นไป มีโอกาสพบมะเร็งเต้านมประมาณ 2 ใน 3
ความอ้วน: โรคอ้วนเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งเต้านมมากขึ้น
หน้าอกแน่น (Dense Breasts): การมีหน้าอกแน่น หมายถึงการมีเนื้อเยื่อและต่อมน้ำนมมากกว่าคนอื่น ๆ จึงมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งเต้านมมากกว่า นอกจากนี้ โครงสร้างเนื้อเยื่อที่หนาแน่น ก็ทำให้แพทย์มองเห็นมะเร็งด้วยแมมโมแกรมได้ยากขึ้นด้วย * การพิสูจน์ว่าหน้าอกแน่น ไม่ได้เกิดจากการทดลองสัมผัสเต้านมดูว่ากระชับไหม คนที่มีหน้าอกกระชับ ไม่ได้แปลว่าจะมีหน้าอกแน่นเสมอไป ต้องเป็นการวินิจฉัยโดยแพทย์ผ่านการทำแมมโมแกรมดูโครงสร้างเนื้อเยื่อเท่านั้น
มีประวัติของโรคและการรักษาเกี่ยวกับเต้านม: หากเคยมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับเต้านม หรือเคยได้รับการฉายรังสีในบริเวณดังกล่าว จะเพิ่มความเสี่ยงของมะเร็งได้
พันธุกรรม: มีประวัติโรคมะเร็งเต้านมทางครอบครัว โดยเฉพาะหากญาติที่เป็นมะเร็งชนิดนี้เป็นญาติสายตรง จะยิ่งเสี่ยงมากขึ้น เช่น แม่ น้องสาว หรือพี่สาว
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์: ผู้หญิงกลุ่มที่ดื่มแอลกฮอล์เป็นประจำ จะมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมสูงกว่าผู้หญิงที่ไม่ดื่ม
เป็นมะเร็งเต้านมข้างหนึ่งแล้ว: หากได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเต้านมข้างหนึ่ง จะมีความเสี่ยงถึง 3 – 4 เท่า ที่จะเกิดมะเร็งขึ้นที่เต้านมอีกข้างหนึ่ง
ควันบุหรี่: การสูบบุหรี่ หรือได้รับควันบุหรี่ (ควันบุหรี่มือสอง) มีส่วนเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่จะเป็นโรคมะเร็งเต้านม
เราจะสังเกตุด้วยตัวเองได้หรือไม่ ว่าเรามีความผิดปกติ และควรทำอย่างไร?
คำตอบคือ ได้เเน่นอน
ซึ่งสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าเราอาจเป็นมะเร็งเต้านม สามารถสังเกตได้ด้วยตนเอง ได้แก่
- คลำพบก้อนที่เต้านม หรือบริเวณรักแร้ หากเป็นระยะเริ่มแรกของมะเร็ง จับแล้วมักไม่รู้สึกเจ็บ จึงไม่ควรชะล่าใจ อย่าคิดเองว่าไม่รู้สึกเจ็บ แปลว่าไม่ใช่มะเร็ง
- เกิดความเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติต่าง ๆ ขึ้นที่เต้านมเพียงข้างเดียว
- เต้านมโตขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเริ่มจากเป็นข้างใดข้างหนึ่ง
- รูปร่างของเต้านมเปลี่ยนไป ไม่เหมือนเดิม โดยที่ไม่เคยผ่าตัดมาก่อน
- มีการเปลี่ยนแปลงของผิวเต้านม เช่น ผิวหนังแข็งหรือหนาขึ้น มีก้อนเนื้อที่นูนขึ้นหรือขรุขระ มีสีผิวเปลี่ยนแปลงไป เกิดแผลเรื้อรัง (หรือแผลที่รักษาไม่หาย) หรือเป็นรอยรูขุมขนชัดขึ้นเหมือนเปลือกผิวส้ม
- มีอาการเจ็บปวดเต้านมข้างหนึ่ง อาจเป็นเล็กน้อยหรือเป็นมากก็ได้
- มีอาการบวมแดงตรงเต้านม อาจมีอาการปวดหรือมีแผลในบริเวณที่บวมแดงร่วมด้วย
- มีรอยบุ๋มหรือย่นบริเวณเต้านม
- มีอาการเน่าของหัวนม หรือส่วนอื่น ๆ บริเวณเต้านม
- หัวนมบุ๋มเข้าไปในเต้านม หรือไม่สม่ำเสมอ โดยไม่ได้เป็นมาตั้งแต่กำเนิด หรือไม่ได้เกิดจากการผ่าตัด
- มีเลือดและ/หรือของเหลว เช่น น้ำเหลืองใส ๆ ที่ผิดปกติไหลออกจากหัวนม หรือผู้หญิงที่ยังไม่มีเกณฑ์ให้นมบุตร แต่มีน้ำนมไหลออกมาผิดปกติ ก็ถือว่าเป็นอาการสัญญาณเตือนด้วยเช่นกัน
มีแผลที่บริเวณหัวนม มีลักษณะเป็นแผลสีแดง และมักจะรักษาไม่หาย
คลำทุกวัน ตรวจเป็นประจำ สามารถทำได้ด้วยตัวเอง
วิธีที่ 1 ตรวจตอนอาบน้ำ
สามารถทำได้โดย
- ใช้นิ้วมือวางราบบนเต้านม
- คลำและเคลื่อนนิ้วเบา ๆ ให้ครบทุกส่วนของเต้านมทีละข้าง
วิธีที่ 2 ตรวจหน้ากระจก
สามารถทำได้โดย
- ยืนตัวตรงมือแนบลำตัว ยกแขนให้ขึ้นสูงเหนือศีรษะ สังเกตลักษณะเต้านมทั้งสองข้าง
- ยกมือเท้าที่เอว กดสะโพกแรง ๆ ไม่ให้กล้ามเนื้อเกร็งและหดตัว สังเกตลักษณะผิดปกติ
วิธีที่ 3 ตรวจในท่านอน
สามารถทำได้โดย
- นอนราบยกมือข้างหนึ่งไว้ใต้ศีรษะ ใช้มืออีกข้างตรวจคลำทุกส่วนของเต้านมทีละข้าง
เริ่มคลำจากส่วนนอกและเหนือสุดของเต้านม เวียนไปรอบเต้านม ค่อย ๆ เคลื่อนมือเข้ามาเป็นวงแคบ ๆ จนถึงบริเวณเต้านมให้ทั่วทุกส่วน
บีบหัวนมเบา ๆ โดยใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้สังเกตว่ามีสิ่งผิดปกติไหลออกมาหรือไม่
สัญญาณเตือนว่าต้องไปพบแพทย์แล้ว
หากตรวจเช็กเต้านมด้วยตนเองแล้วพบอาการผิดปกติดังต่อไปนี้ควรรีบมาพบแพทย์
- ก้อนหรือไตแข็งผิดปกติ
- หัวนมดึงรั้งผิดปกติ
- มีเลือดหรือน้ำเหลืองไหลจากหัวนม
- เต้านมมีขนาดและรูปร่างผิดปกติ
หากมีเหตุการณ์ผิดปกติอย่างที่กล่าวมาข้างต้น ซิสสาวทั้งหลาย อย่าได้นิ่งนอนใจ ปล่อยให้เวลาผ่านไปนะคะซิส จับปุ๊บ สังเกตปั๊บ ถ้าผิดสังเกตให้รีบไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยทันที ใช้สกิลการสังเกตุที่เรามีมาสำรวจร่างกายตัวเอง ด้วยความห่วงใยจาก The herniverse เพราะเราเข้าใจทุกมิติของผู้หญิง