ลูกจ๋ามาได้แล้ว!!!   สาวๆ เตรียมพร้อมอย่างไรเพื่อวางแผนสู่วัยมีครอบครัว

มีแฟน แต่งงาน มีลูก สูตรสำเร็จของคนทั่วไป ถึงรักจะนำทางด้วยใจ แต่ยังไงก็ต้องมีการวางแผน แต่จะให้เพอร์เฟค ต้องมีการเตรียมการ เพื่อการมีลูกนะคะ แล้วจะเริ่มวางแผนได้อย่างไร วันนี้เรามีบทความดี ๆ มานำเสนอ เพื่อเป็นแนวทางให้คุณผู้หญิงและคุณผู้ชาย มีลูกได้ตามเป้าหมาย มีเบ่บี๋ อย่างสมใจ

คำถามที่พบบ่อยในคู่รักหลายคู่นั่นก็คือ อยากมีลูกต้องทําอย่างไร  ถึงแม้ว่าในบางคู่จะมีเพศสัมพันธ์กันตามปกติ แต่ก็ยังไม่มีลูกเหมือนคู่อื่นเขาสักที ส่วนหนึ่งอาจมาจากปัจจัยต่าง ๆ ที่ส่งผลให้เรายังไม่มีลูก เช่น ไม่ได้เตรียมความพร้อมก่อนการมีเพศสัมพันธ์ ปัญหาด้านสุขภาพ อาหารการกิน  อายุ ค่านิยม สังคม และเศรษฐกิจ เป็นต้น ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลถึงการตั้งท้องหรือการตั้งครรภ์ได้

เรามาดูกันก่อนเลยว่า ในเรื่องของปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อการมีเบ่บี๋ มีอะไร และอะไรที่เราสามารถเตรียมตัวได้ก่อนตั้งแต่เนิ่น ๆ

ในช่วงอายุ 20-35 ปี เป็นช่วงที่ผู้หญิงมีสุขภาพแข็งแรง เหมาะแก่การมีลูกหรือการตั้งครรภ์ เพราะเป็นช่วงวัยเจริญพันธุ์ของผู้หญิง ในช่วงวัยนี้จะเกิดภาวะแทรกซ้อนในการตั้งครรภ์ได้น้อย ยิ่งผู้หญิงมีอายุมากขึ้นเท่าไหร่ภาวะแทรกซ้อนรวมถึงภาวะมีบุตรยากก็อาจเกิดขึ้นได้มากกกว่าผู้หญิงที่อายุในช่วงอายุ 20-35 ปี  แต่ในยุคนี้ การแต่งงานช้าขึ้น ผู้หญิงมีลูกช้าขึ้น เพราะฉะนั้น ยิ่งต้องดูแลตัวเองให้มากขึ้นค่ะ

นับวันไข่ตก เพื่อมีเพศสัมพันธ์ให้ถูกวัน

การนับวันไข่ตก เป็นหนึ่งในวิธีมีลูกแบบธรรมชาติที่สามารถทำได้เองโดยให้คู่รักมีเพศสัมพันธ์ในช่วงไข่ตก วิธีนี้ใช้ได้ดีสำหรับผู้ที่มีประจำเดือนสม่ำเสมอ ดังนั้นสิ่งที่ควรทำคือการจดบันทึกวันที่ประจำเดือนมาไว้ทุกเดือน เพื่อจะได้ทำการคำนวณ ดังนี้

ความถี่ที่เหมาะสมสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ คือ วันเว้นวัน หรือ วันเว้นสองวัน เพื่อเว้นให้ร่างกายได้พักและให้อสุจิแข็งแรง 

ลดความเครียด ให้กายใจได้ผ่อนคลาย

ลดความเครียดต่าง ๆ ลง หรือหาวิธีผ่อนคลายเพื่อลดความเครียด ไม่ว่าจะเป็น ฟังเพลง ดูหนัง ไปเที่ยว หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ เพราะฮอร์โมนจากความเครียดจะรบกวนการทำงานของฮอร์โมนระบบสืบพันธุ์ ซึ่งส่งผลให้โอกาสในการมีลูกลดลงได้

กินดี กินหลากหลายและมีประโยชน์

กินดี กินครบ และกินหลากหลาย นอกจากจะช่วยส่งเสริมให้มีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์แล้ว ยังส่งผลดีต่อระบบสืบพันธุ์ด้วย 

กินหลากหลายและมีประโยชน์

แล้วกินดี ต้องกินอย่างไร ?

ลด ละ เลิก บุหรี่ เหล้า แอลกอฮอล์ นอกจากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยรวมแล้ว ยังส่งผลเสียต่อระบบสืบพันธุ์ฮอร์โมนการตกไข่ของฝ่ายหญิง 

ตรวจสุขภาพก่อนการตั้งครรภ์…เรื่องสำคัญห้ามละเลย

การตรวจสุขภาพก่อนการตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะเราจะได้รู้ว่าสภาพร่างกายทั้งของว่าที่คุณพ่อและคุณแม่นั้นแข็งแรงสมบูรณ์หรือไม่ คุณผู้หญิงพร้อมที่จะตั้งครรภ์หรือเปล่า รวมถึงทั้งคู่มีโรคหรือเป็นพาหะของโรคที่สามารถถ่ายทอดทางพันธุกรรมด้วยไหม

หากแพทย์ตรวจพบความผิดปกติหรือโรคใด ๆ ที่จะส่งผลกระทบต่อการตั้งครรภ์และลูกน้อยในครรภ์ แพทย์จะได้ทำการรักษาหรือหาทางป้องกัน เพื่อการตั้งครรภ์จะได้ปลอดภัยทั้งกับลูกน้อยและตัวคุณแม่เอง ทั้งนี้ยังรวมถึงการป้องกันการเกิดโรคต่าง ๆ ระหว่างคู่รักให้อีกด้วย

  1. การเตรียมความพร้อมด้านร่างกาย
    ผู้หญิงในวัยเจริญพันธุ์ที่มีความพร้อมทางร่างกายอย่างดี จะอยู่ในช่วงอายุระหว่าง 20-34 ปี เพราะช่วงอายุนี้ร่างกายและฮอร์โมนต่าง ๆ จะมีความสมบูรณ์ที่เหมาะสำหรับการตั้งครรภ์มากที่สุด ซึ่งหากต้องการตั้งครรภ์ ควรดูแลสุขภาพให้ดี ดังนี้
    • ตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์ ในโปรแกรมที่เหมาะสม ซึ่งสามารถปรึกษาแพทย์ก่อนเลือกตรวจได้
    • ควรรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ โดยเฉพาะอาหารที่อุดมด้วยธาตุเหล็กสูง ได้แก่ ตับ เลือด เนื้อสัตว์ เนื้อแดงต่างๆ เครื่องในสัตว์ ไข่แดง อาหารทะเล ผักใบเขียว ถั่วดำ ถั่วแดง ข้าวโอ๊ต เป็นต้น
    • รับประทานวิตามินเสริมธาตุเหล็กและกรดโฟลิก (เฟอร์โรโฟลิก) เพื่อช่วยลดภาวะซีด ช่วยลดเสี่ยงโรคกระดูกไขสันหลังผิดปกติในทารก รวมถึงความพิการแต่กำเนิด
    • รับประทานอาหารประเภทแป้งที่ดี เช่น ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลเกรนให้เพียงพอ รวมถึงรับประทานโปรตีน ประเภทปลา และนมธัญพืช เป็นประจำ
    • ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
    • หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันและน้ำตาลสูง รวมถึง ชา กาแฟ
    • เลิกสูบบุหรี่อย่างน้อย 3 เดือนก่อนการตั้งครรภ์
    • เลิกดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 1 เดือนก่อนการตั้งครรภ์
    • ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
    • ตรวจสุขภาพฟัน ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายคนอาจไม่ทราบว่า การมีฟันผุ เป็นโรคเหงือกติดเชื้อ และโรคปริทันต์ อาจก่อให้เกิดอันตรายต่อลูกน้อยในครรภ์ได้ ว่าที่คุณแม่จึงควรเข้ารับการตรวจสุขภาพช่องปากและฟันก่อนการตั้งครรภ์อย่างน้อย 5 เดือน เพื่อเผื่อเวลาในการรักษาฟันที่อาจมีปัญหาด้วย

  2. การเตรียมความพร้อมด้านสุขภาพจิต
    เมื่อทั้งว่าที่คุณพ่อและคุณแม่มีสุขภาพกายที่สมบูรณ์แข็งแรงแล้ว ก็ต้องมีสุขภาพจิตที่ดีด้วยเช่นกัน ซึ่งสามารถทำได้ ดังนี้
    • พักผ่อนให้เพียงพอ พยายามนอนหลับให้เต็มอิ่ม
    • พยายามเลี่ยงสถานการณ์ที่จะทำให้เกิดภาวะเครียด ทำกิจกรรมที่ชอบ
    • ไม่เก็บเรื่องต่าง ๆ มาคิดจนเกิดความวิตกกังวล แบ่งเวลางานและการพักผ่อนให้ดี
    • ให้การสนับสนุนและเป็นกำลังใจให้คู่รัก พร้อมดูแลซึ่งกันและกันในทุกขณะ
Share the Post:

บทความแนะนำ